10 ท่าวอร์มอัพ วอร์มร่างกายก่อนออกกำลังกายป้องกันการบาดเจ็บ-01 ท่าวอร์มอัพ วอร์มร่างกาย Mobile

ยืดก่อนลุย 10 ท่าวอร์มอัพ วอร์มร่างกายที่ควรทำก่อนออกกำลังกายทุกครั้ง

การออกกำลังกายที่ดีไม่ได้อยู่ที่ออกหนักแค่ไหน แต่อยู่ที่ออกอย่างไรให้ถูกวิธีและปลอดภัย ขั้นตอนสำคัญที่ช่วยป้องกันการบาดเจ็บคือการวอร์มร่างกาย ซึ่งเป็นสิ่งที่นักกีฬามืออาชีพให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก เพราะท่าวอร์มร่างกายที่ถูกต้องจะช่วยเตรียมกล้ามเนื้อและข้อต่อของคุณให้พร้อมรับภาระงาน ทำให้ออกกำลังกายได้เต็มประสิทธิภาพและปลอดภัยยิ่งขึ้น มาดูกันว่าเราควรวอร์มร่างกายอย่างไรให้ถูกวิธี


Highlight

●      การอบอุ่นร่างกายหรือการวอร์มอัพ (Warm Up) สำคัญอย่างไร?

●      Dynamic Stretching คืออะไร?

●      ความพิเศษของ Dynamic Stretching คืออะไร?

●      ประโยชน์ของการวอร์มอัพร่างกายมีอะไรบ้าง

●      10 ท่าวอร์มอัพง่ายๆ ก่อนออกกำลังกายมีอะไรบ้าง

●      วิธีประเมินว่าร่างกายพร้อมสำหรับการออกกำลังกายหรือยัง มีอะไรบ้าง?

●      ทำไมต้องประเมินความพร้อมของร่างกาย?

 

 

การอบอุ่นร่างกายหรือการวอร์มอัพ (Warm Up) สำคัญอย่างไร?

เมื่อเราวอร์มร่างกาย อุณหภูมิในร่างกายจะเพิ่มขึ้น เลือดไหลเวียนดีขึ้น ส่งผลให้ออกซิเจนไปเลี้ยงกล้ามเนื้อได้มากขึ้น กล้ามเนื้อยืดหยุ่นมากขึ้น ระบบประสาทตื่นตัว หัวใจได้ปรับจังหวะการเต้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป ทั้งหมดนี้ช่วยให้ร่างกายพร้อมรับการออกกำลังกายที่หนักขึ้น

การวอร์มอัพจึงเป็นการลงทุนเพื่อป้องกันการบาดเจ็บที่อาจเกิดขึ้นได้ในระหว่างการออกกำลังกาย นักกีฬาระดับโลกทุกคนเริ่มต้นการฝึกซ้อมด้วยการวอร์มร่างกายทุกครั้ง และคุณก็ควรทำเช่นกัน

 

Dynamic Stretching คืออะไร?

Dynamic Stretching หรือการยืดเหยียดแบบเคลื่อนไหว เป็นรูปแบบการวอร์มอัพที่ได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน โดยเฉพาะในวงการกีฬาและการฝึกซ้อมระดับมืออาชีพ แตกต่างจาก Static Stretching (การยืดเหยียดแบบอยู่นิ่ง) ที่เรายืนนิ่งๆ และยืดค้างไว้ Dynamic Stretching จะเน้นการเคลื่อนไหวร่างกายอย่างต่อเนื่อง ไม่มีการหยุดนิ่ง

 

 

ความพิเศษของ Dynamic Stretching คืออะไร?
 

 อยู่ที่การเตรียมกล้ามเนื้อและข้อต่อให้พร้อมสำหรับการเคลื่อนไหวที่ใกล้เคียงกับกิจกรรมที่เรากำลังจะทำ เช่น นักวิ่งอาจทำท่าวอร์มอัพที่เน้นการเคลื่อนไหวของขา นักเทนนิสอาจเน้นที่ไหล่และแขน การทำเช่นนี้ช่วยให้ร่างกายปรับตัวได้ดีขึ้นและพร้อมสำหรับการออกกำลังกายที่จะตามมา 

 

ประโยชน์ของการวอร์มอัพร่างกายมีอะไรบ้าง

การใช้เวลาเพียงไม่กี่นาทีเพื่อวอร์มร่างกายก่อนออกกำลังกายจะให้ประโยชน์มากมายที่คุณอาจไม่เคยคาดคิด นอกจากป้องกันการบาดเจ็บแล้ว ยังมีประโยชน์อื่นๆ อีกมากมาย

1.     ป้องกันการบาดเจ็บ ช่วยให้กล้ามเนื้อและข้อต่อมีความยืดหยุ่นมากขึ้น ลดความเสี่ยงต่อการฉีกขาดของกล้ามเนื้อและเอ็น โดยเฉพาะในกีฬาที่ต้องมีการเคลื่อนไหวอย่างฉับพลัน เช่น บาสเกตบอล ฟุตบอล หรือเทนนิส

2.     เพิ่มประสิทธิภาพในการออกกำลังกาย กล้ามเนื้อที่ผ่านการวอร์มอัพมาดีแล้วจะทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ช่วยให้คุณออกกำลังกายได้หนักขึ้น นานขึ้น และได้ผลลัพธ์ที่ดีกว่า ไม่ว่าจะเป็นการเผาผลาญแคลอรี่หรือการสร้างกล้ามเนื้อ

3.     เพิ่มการไหลเวียนของเลือด หัวใจเต้นเร็วขึ้น เลือดไหลเวียนดีขึ้น ส่งผลให้ออกซิเจนและสารอาหารไปเลี้ยงกล้ามเนื้อได้มากขึ้น

4.     เพิ่มความยืดหยุ่นของกล้ามเนื้อ ช่วยให้กล้ามเนื้อยืดหยุ่นมากขึ้น เคลื่อนไหวได้เต็มช่วงการ เคลื่อนไหว (Range of Motion)  

5.     กระตุ้นการทำงานของระบบประสาท ทำให้สมองส่งสัญญาณไปยังกล้ามเนื้อได้รวดเร็วและแม่นยำมากขึ้น ซึ่งสำคัญมากในกีฬาที่ต้องการทักษะสูง

 

 

10 ท่าวอร์มอัพง่ายๆ ก่อนออกกำลังกายมีอะไรบ้าง

 

ท่าวอร์มอัพมีหลากหลายรูปแบบ ซึ่งเราได้คัดสรร 10 ท่าวอร์มอัพที่ทำได้ง่าย เหมาะกับทุกเพศทุกวัย และให้ผลลัพธ์ดีในการเตรียมร่างกายก่อนออกกำลังกาย

 

1. ท่าสควอท (Squat) 

ท่าวอร์มร่างกาย ท่าสควอท

 

 

วิธีทำแบบง่ายๆ: ยืนตรง เท้าห่างกันเท่าความกว้างของสะโพกหรือไหล่ ย่อเข่าลง เหมือนกำลังจะนั่งเก้าอี้ โดยให้สะโพกยื่นไปด้านหลัง ระวังไม่ให้หัวเข่าเลยปลายเท้า เกร็งหน้าท้อง หลังตรง แล้วยืดตัวขึ้นกลับสู่ท่าเริ่มต้น

ทำนานแค่ไหนดี: 10-15 ครั้ง, 2 เซต

ประโยชน์การวอร์มอัพท่านี้: ปลุกกล้ามเนื้อต้นขา สะโพก และแกนกลางลำตัว

TIPS: มือใหม่อาจวางเก้าอี้ด้านหลัง ย่อตัวลงจนก้นแตะเก้าอี้เบาๆ แล้วลุกขึ้น

 

2. ท่าเตะขาไปข้างหน้า 
ท่าวอร์มร่างกาย ท่าเตะขาไปข้างหน้า

 

วิธีทำแบบง่ายๆ: ยืนตรงในท่าสบาย เท้าชิดกัน ยกขาขวาขึ้นและเตะไปข้างหน้าในระดับต่ำถึงกลาง นำขาขวากลับลงและทำซ้ำกับขาซ้าย ทำสลับขาไปมา อาจเพิ่มความสูงของการเตะเมื่อรู้สึกว่ากล้ามเนื้ออุ่นขึ้น

ทำนานแค่ไหนดี: 10-12 ครั้งต่อขา

ประโยชน์การวอร์มอัพท่านี้: ปลุกกล้ามเนื้อต้นขาด้านหน้า เพิ่มความยืดหยุ่นของสะโพก

TIPS: เริ่มจากการเตะต่ำๆ ก่อน ไม่จำเป็นต้องเตะสูงมาก แค่รู้สึกถึงการยืดก็พอ

 

3. ท่าเลกลันจน์ (Leg Lunges) 

ท่าวอร์มร่างกาย ท่าเลกลันจน์

 

วิธีทำแบบง่ายๆ: ยืนตรง เท้าชิดกัน ก้าวขาขวาไปด้านหน้า ให้ได้ระยะพอเหมาะ ย่อตัวลงให้เข่าทั้งสองข้างงอเป็นมุมฉาก ระวังไม่ให้เข่าหน้าเลยปลายเท้า เข่าหลังอยู่เหนือพื้นเล็กน้อย ไม่แตะพื้น แล้วดันตัวกลับขึ้นมา และสลับขา

ทำนานแค่ไหนดี: 10 ครั้งต่อขา

ประโยชน์การวอร์มอัพท่านี้: อุ่นกล้ามเนื้อขาทั้งหมด สะโพก และเสริมความมั่นคงของเข่า

TIPS: รักษาลำตัวให้ตั้งตรง หากทรงตัวยาก จับราวหรือพนักเก้าอี้ช่วยพยุง

 

4. ท่ากระโดดเชือก 
ท่าวอร์มร่างกาย ท่ากระโดดเชือก

 

วิธีทำแบบง่ายๆ: ยืนตรง มือถือเชือกกระโดด (หรือจินตนาการว่ามีเชือก) กระโดดเบาๆ โดยใช้ปลายเท้าเป็นจุดรับน้ำหนัก หมุนข้อมือเพื่อให้เชือกวนรอบตัว เริ่มต้นด้วยจังหวะช้าๆ ค่อยๆ เพิ่มความเร็ว

ทำนานแค่ไหนดี: 30-45 วินาที, พัก 15-20 วินาที, ทำ 2-3 เซต

ประโยชน์การวอร์มอัพท่านี้: วอร์มอัพแบบครบวงจร เพิ่มอัตราการเต้นของหัวใจและอุ่นกล้ามเนื้อทั่วร่างกาย

TIPS: ไม่มีเชือก ให้จินตนาการว่ามีและทำท่าเหมือนกระโดดเชือก หรือแค่กระโดดเบาๆ ก็ได้

 

5. วิ่งจ๊อกกิ้งอยู่กับที่ 

ท่าวอร์มร่างกาย ท่าวิ่งจ๊อกกิ้งอยู่กับที่

 

วิธีทำแบบง่ายๆ: ยืนตรง แยกเท้ากว้างเท่าสะโพก ยกเข่าสลับซ้าย-ขวา เหมือนกำลังวิ่งอยู่กับที่ แกว่งแขนสลับกันไปมาตามจังหวะการยกเข่า เริ่มต้นช้าๆ แล้วค่อยๆ เพิ่มความเร็ว

ทำนานแค่ไหนดี: 30-60 วินาที

ประโยชน์การวอร์มอัพท่านี้: เพิ่มอุณหภูมิร่างกาย อัตราการเต้นของหัวใจ และอุ่นกล้ามเนื้อทั่วตัว

TIPS: ยกเข่าให้สูงพอประมาณ รักษาแกนกลางลำตัวให้มั่นคง ไม่โยกไปมามาก

 

6. Walking Lunges 
ท่าวอร์มร่างกาย ท่า Walking Lunges

 

วิธีทำแบบง่ายๆ: ยืนตรง เท้าชิดกัน ก้าวขาขวาไปด้านหน้า ย่อตัวลงในท่าลันจ์ ดันตัวขึ้น แล้วก้าวขาซ้ายไปด้านหน้า ทำท่าลันจ์ต่อเนื่อง เคลื่อนที่ไปข้างหน้าโดยการก้าวสลับขา

ทำนานแค่ไหนดี: 10-12 ก้าวต่อขา

ประโยชน์การวอร์มอัพท่านี้: เพิ่มความยืดหยุ่นของสะโพกและขา อุ่นกล้ามเนื้อ เพิ่มการทรงตัว

TIPS: เคลื่อนที่ช้าๆ เพื่อควบคุมการทรงตัว ระวังไม่ให้เข่าหน้าเลยปลายเท้า

 

7. Butt Kicks 

ท่าวอร์มร่างกาย ท่า Butt Kicks

 

วิธีทำแบบง่ายๆ: ยืนตรง แยกเท้ากว้างเท่าสะโพก วิ่งเบาๆ อยู่กับที่ แต่ให้ส้นเท้าเตะสะโพกตัวเอง แกว่งแขนตามจังหวะการวิ่ง เริ่มช้าๆ แล้วเพิ่มความเร็ว

ทำนานแค่ไหนดี: 30-45 วินาที

ประโยชน์การวอร์มอัพท่านี้: เตรียมกล้ามเนื้อต้นขาด้านหลังและน่อง ที่ใช้มากในการวิ่ง

TIPS: พยายามให้ส้นเท้าแตะก้นหรือใกล้เคียงที่สุด แต่ไม่ต้องฝืนจนเจ็บ

 

8. Balance Arm Swing 

ท่าวอร์มร่างกาย ท่า Balance Arm Swing

 

วิธีทำแบบง่ายๆ: ยืนตรง แยกเท้ากว้างเท่าสะโพก กางแขนออกไปด้านข้างเป็นแนวขนานกับพื้น ในลักษณะกางแขนเหมือนนกบิน จากนั้นงอแขนและหมุนท่อนแขนเข้าหาลำตัว โดยให้มือข้ามหน้าอก (เหมือนในภาพด้านขวา) กลับสู่ท่ากางแขนเหมือนเดิม ทำซ้ำเป็นจังหวะสม่ำเสมอ เพื่อยืดกล้ามเนื้อหน้าอกและไหล่

ทำนานแค่ไหนดี: 15-20 ครั้ง

ประโยชน์การวอร์มอัพท่านี้: อบอุ่นกล้ามเนื้อไหล่ แขน และหน้าอก

TIPS: ทำช้าๆ ในตอนแรก เพื่อไม่ให้ไหล่บาดเจ็บ

 

9. Arm Circles 
ท่าวอร์มร่างกาย ท่า Arm Circles

 

วิธีทำแบบง่ายๆ: ยืนตรง แยกเท้ากว้างเท่าสะโพก ยกแขนออกไปด้านข้างให้ขนานกับพื้น หมุนแขนเป็นวงกลมเล็กๆ ไปด้านหน้า ทำประมาณ 10 ครั้ง แล้วหมุนไปด้านหลัง เพิ่มขนาดวงกลมให้ใหญ่ขึ้นและทำซ้ำ

ทำนานแค่ไหนดี: 10 วงกลมเล็ก + 10 วงกลมใหญ่ ต่อทิศทาง

ประโยชน์การวอร์มอัพท่านี้: ปลุกกล้ามเนื้อไหล่ แขน และหน้าอก

TIPS: หากรู้สึกไม่สบายที่ไหล่ ให้ลดขนาดของวงกลมลง

 

10. Ankle Rotation (การหมุนข้อเท้า) 

ท่าวอร์มร่างกาย ท่า Ankle Rotation

 

วิธีทำแบบง่ายๆ: ยืนตรง มือเท้าสะเอว เท้าทั้งสองข้างห่างกันพอประมาณ ยกขาข้างหนึ่งขึ้นเล็กน้อย หมุนปลายเท้าเป็นวงกลม หมุนข้อเท้าไปในทิศทางตามเข็มนาฬิกา 5-10 ครั้ง จากนั้นหมุนทวนเข็มนาฬิกา 5-10 ครั้ง สลับไปทำอีกข้างหนึ่ง

ทำนานแค่ไหนดี: 5-10 ครั้งต่อทิศทาง ต่อข้าง

ประโยชน์การวอร์มอัพท่านี้: เพิ่มความยืดหยุ่นของข้อเท้า ป้องกันการบาดเจ็บที่ข้อเท้าและเอ็นร้อยหวาย

TIPS: พยายามรักษาสมดุลให้ดี ถ้ายังทรงตัวไม่ดี อาจใช้มือจับพนักเก้าอี้หรือกำแพงช่วยพยุง



 

วิธีประเมินว่าร่างกายพร้อมสำหรับการออกกำลังกายหรือยัง มีอะไรบ้าง?

การวอร์มอัพที่มีประสิทธิภาพจะทำให้ร่างกายพร้อมสำหรับการออกกำลังกายที่หนักขึ้น แต่คุณจะรู้ได้อย่างไรว่าร่างกายพร้อมแล้ว? นี่คือวิธีง่ายๆ ในการประเมิน

1.     ตรวจสุขภาพเบื้องต้น หลังจากวอร์มอัพแล้ว ร่างกายควรจะอุ่นขึ้น มีเหงื่อซึมเล็กน้อย หัวใจเต้นเร็วขึ้น แต่ยังพูดคุยได้สบายๆ ไม่หอบ ถ้ารู้สึกเหนื่อยเกินไปหรือหายใจลำบาก แสดงว่าอาจวอร์มอัพหนักเกินไป

2.     ทำการประเมินความสามารถทางร่างกาย ลองทำท่าทางที่คล้ายกับการออกกำลังกายที่คุณกำลังจะทำ แต่ด้วยความเข้มข้นต่ำกว่า เช่น ถ้าจะวิ่ง ลองวิ่งเหยาะๆ ดูว่ารู้สึกคล่องตัวดีหรือไม่ ถ้ายังรู้สึกตึงหรืออึดอัด ควรวอร์มอัพเพิ่ม

 
การ​​วอร์มร่างกาย​​ก่อนออกกำลังกายถืช่วยป้องกันอาการบาดเจ็บได้​

 

ทำไมต้องประเมินความพร้อมของร่างกาย?

การประเมินความพร้อมของร่างกายก่อนออกกำลังกายอย่างจริงจังไม่ใช่เรื่องเสียเวลา แต่เป็นขั้นตอนสำคัญที่จะช่วยให้การออกกำลังกายของคุณมีประสิทธิภาพและปลอดภัยมากขึ้น มาดูเหตุผลสำคัญกันป้องกันการบาดเจ็บ การออกกำลังกายโดยที่ร่างกายยังไม่พร้อมเป็นการเพิ่มความเสี่ยงในการบาดเจ็บ โดยเฉพาะในกีฬาที่ต้องใช้แรงกระแทกหรือต้องเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว เช่น วิ่ง กระโดด หรือเล่นกีฬาประเภทลูกบอล

1.     เพิ่มประสิทธิภาพในการออกกำลังกาย 

 ร่างกายที่ผ่านการวอร์มอัพอย่างเหมาะสมจะทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

2.     ควบคุมและปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการออกกำลังกายให้เหมาะสม

การสังเกตร่างกายระหว่างวอร์มอัพช่วยให้คุณรู้จักร่างกายตัวเองมากขึ้น เข้าใจข้อจำกัดและความสามารถในแต่ละวัน ซึ่งจะช่วยให้คุณสามารถปรับแผนการออกกำลังกายให้เหมาะสมกับสภาพร่างกายในวันนั้นๆ
 

การวอร์มร่างกายก่อนออกกำลังกายเป็นขั้นตอนสำคัญที่มีผลต่อประสิทธิภาพและความปลอดภัยใน

การออกกำลังกายอย่างมาก ท่าวอร์มอัพทั้ง 10 ท่าที่เรานำเสนอเป็นท่าพื้นฐานที่ใครก็สามารถทำได้ ไม่ว่าจะเป็นมือใหม่หรือนักกีฬาที่มีประสบการณ์

เริ่มแรกอาจเลือกทำเพียง 4-5 ท่าที่เหมาะกับกิจกรรมที่คุณกำลังจะทำ เช่น ถ้าจะวิ่ง อาจเลือกท่า 3-7 ถ้าจะเล่นกีฬาที่ใช้แขนมาก เช่น เทนนิส อาจเลือกท่า 8-10 ร่วมกับท่า 1-2 เป็นต้น ลองนำท่าวอร์มอัพเหล่านี้ไปใช้ในการออกกำลังกายครั้งต่อไป และคุณจะรู้สึกถึงความแตกต่างอย่างชัดเจน

 

อ้างอิง

-        https://www.si.mahidol.ac.th/th/healthdetail.asp?aid=1442 

-        https://www.fitmesport.com/warm-up-before-exercising/ 

-        https://srenebyslc.com/blogs/welght-management/exercise-plan-should-checkup-first/