การวางพื้นฐานชีวิตลูก ด้วยความเข้าใจและอิสระแบบ 'ซินดี้ สิริยา' 10-M_Lot3.jpg

การวางพื้นฐานชีวิตลูก ด้วยความเข้าใจและอิสระแบบ 'ซินดี้ สิริยา'

วิธีการเลี้ยงลูกสไตล์ ซินดี้-สิรินยา บิชอฟ ซูเปอร์มัมที่ปูพื้นฐานชีวิตลูกๆ
ด้วยพลังแห่งความเข้าใจและการให้อิสระในการเลือกสิ่งที่ใช่ด้วยตัวเอง

เรื่อง เชิญพร คงมา, ภาพ มณีนุช บุญเรือง

เราต่างรู้จัก ซินดี้-สิรินยา บิชอพ ในฐานะของผู้หญิงเก่งที่มีหน้าที่การงานและบทบาทอันหลากหลาย

เมื่อไล่เรียงหน้าที่การงานในปัจจุบัน เธอเป็นทั้งนางแบบ นักแสดง พิธีกร นักเคลื่อนไหวที่ทำงานด้านสิทธิสตรี นักธุรกิจ และล่าสุดคือการเป็นนักเขียนหนังสือเด็กที่พูดถึงสิทธิในร่างกายของตัวเอง ที่สอนให้เด็กๆ เรียนรู้เรื่องร่างกาย เคารพตัวเอง และยอมรับในตัวตนของผู้อื่น ซึ่งเพิ่งเปิดตัวไปเมื่อไม่นานมานี้

ซินดี้1

 

เธอทำงานทุกอย่างที่ว่ามาควบคู่กับงานอันยิ่งใหญ่ คือการเป็นคุณแม่ของลูกสาวและลูกชายวัยน่ารัก ซึ่งเธอบอกว่า งานนี้มีความสำคัญเป็นอันดับแรกเสมอ

ด้วยความเชื่อในพลังแห่งความรัก ความเอาใจใส่ และการเลี้ยงดูลูกที่ให้อิสระในการตัดสินใจ และมีพื้นฐานมาจากความเข้าใจเป็นส่วนสำคัญ แม้งานเลี้ยงลูกจะเป็นงานยากและโหดหินแค่ไหน เราก็รับรู้ได้ถึงความสนุกและความสุขที่สุดในชีวิตของ ‘ซูเปอร์มัม’ คนนี้

ซินดี้2

 

ซินดี้3

 

หน้าที่คุณแม่คือที่หนึ่ง

“ตอนนี้ซินดี้มีงานในวงการบันเทิงคือถ่ายละครอยู่สองเรื่อง แล้วก็กำลังรอผลงานภาพยนตร์ต่างประเทศของเน็ตฟลิกซ์อินเตอร์ที่ถ่ายทำไปแล้วออกอากาศ ส่วนงานพิธีกรทุกอย่างหยุดชะงัก เลยผันตัวมาสอนออนไลน์คอร์สการเป็นนางแบบ งานด้านสิทธิสตรีในแคมเปญ Don’t tell me how to dress ก็ยังทำอย่างต่อเนื่องและกำลังจะมีนิทรรศการแบบดิจิทัลให้ชมกัน และล่าสุดซินดี้เพิ่งเขียนหนังสือเด็กที่เป็นการ์ตูนพูดถึงสิทธิในร่างกายของตัวเอง เพื่อให้เด็กเข้าใจการเคารพตัวเองและผู้อื่น

“ส่วนหน้าที่หลักที่สำคัญที่สุด และมาอันดับหนึ่งเสมอ คือบทบาทความเป็นคุณแม่ลูกสองนี่เอง” ซินดี้ สิรินยา ยิ้มกว้างเมื่อตอบคำถามแรกเกี่ยวกับหน้าที่การงานปัจจุบันของเธอจบลง

ได้ฟังดังนี้ ใครก็คงยกให้เธอเป็นซูเปอร์มัมอย่างไม่ต้องสงสัย เพราะแม้จะมีภารกิจการงานรอบด้าน แต่เธอสามารถบริหารเวลาเพื่อทำหน้าที่คุณแม่ได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง

“ซินดี้เป็นคนที่ค่อนข้างเป๊ะในการบริหารเวลาอยู่แล้ว” เธอว่า หลังจากได้ยินคำชื่นชม “โชคดีที่พี่ไบรอน (ไบรอน บิชอพ) ก็ทำงานด้วยกัน เราทั้งคู่ช่วยกันดูแลลูกได้ แต่ละเดือนมีการวางแผนล่วงหน้าว่า ซินดี้ติดงานตรงนี้ คุณพ่อช่วยมาเติมเต็มได้ไหม เราทำงานกันเป็นทีม”

เลี้ยงลูกด้วยเหตุผล

ที่ผ่านมาเราได้เห็นภาพครอบครัวอันอบอุ่นของเธอเสมอ และที่เห็นเด่นชัดคือลูกๆ ทั้งสองของเธอ นั่นคือ น้องเลล่า (เลล่า คาเมน บิชอพ) ลูกสาวคนโตวัย11 ปี และ น้องเอเดน (เอเดน วิลเลี่ยม บิชอพ) ลูกชายคนเล็กวัย 8 ปีต่างมีความน่ารักสดใส มีพัฒนาการเติบโตตามวัยอย่างสมบูรณ์ เมื่ออยู่ในวัยนี้ ลูกๆ เริ่มทำกิจกรรมร่วมกับคุณพ่อคุณแม่ได้อย่างสนุกสนาน

“ครอบครัวเราเน้นกิจกรรมที่ทำแล้วมีความสุข ตอนนี้ลูกๆ ก็เข้าสู่วัยที่ทำกิจกรรมด้วยกันได้ เวลาไปเที่ยวก็เล่นกีฬาด้วยกัน เริ่มขับโกคาร์ท เซิร์ฟฟิ่ง ทุกคนเอนจอยกันได้”

เมื่อถามว่าสไตล์การเลี้ยงลูกของเธอเป็นอย่างไร คำตอบที่ได้คือ การเลี้ยงลูกด้วยเหตุผล

“ครอบครัวเราเชื่อมั่นในการพูดคุยและรับฟังกันด้วยเหตุผล” เธอเริ่มอธิบาย “ถึงแม้ว่าจะมีเรื่องที่เราห้าม แต่ไม่ได้ห้ามเพราะแม่บอกว่าต้องเป็นแบบนั้น มันไม่เข้าหู เป็นเราก็ไม่ฟัง ถ้าเป็นการห้ามต้องมีหลักการหรือเหตุผลว่า ทำไมแม่ถึงห้าม ถ้าหนูทำไปแล้วจะเป็นอย่างนี้นะ แล้วหนูจะทำอยู่หรือเปล่า บางทีก็ต้องมีการลองผิดลองถูกบ้าง ถ้าไม่ฟังก็ทำไป เจ็บตัวแล้วค่อยมาคุยกัน”

เธอบอกว่า การเลี้ยงลูกแบบเธอนั้นไม่มีสูตรตายตัว และไม่อาจกำหนดทุกอย่างเป็นหลักการที่แน่นอนได้

“บางกรณีก็ต้องมียืดหยุ่นบ้าง เช่น บางอย่างเราคิดว่าอาจจะยังไม่ใช่เวลา แต่ถ้าหนูอยากลองทำจริงๆ ก็อธิบายมาว่าทำไม หรือหนูคิดว่าพร้อมยังไง ถ้าเราฟังแล้วโอเคมีเหตุผล ก็ลองทำดู”

ซินดี้4

 

ปูพื้นฐานชีวิตด้วยการให้อิสระในการตัดสินใจ

ซินดี้เล่าว่ากิจกรรมต่างๆ ที่ลูกทั้งสองได้ลองทำ ล้วนมาจากความชอบและการตัดสินใจเลือกของลูกๆ เอง

“ซินดี้เลี้ยงลูกโดยให้ความสำคัญอยู่สามสิ่งหลักเหมือนกับที่เราดูแลตัวเอง นั่นคือ Mind-Body-Soul ชีวิตเขาต้องเติมเต็มทั้งการเรียนรู้พัฒนาตัวเอง การออกกำลังกาย และการทำสิ่งที่มีความสุข ดังนั้นถ้าลูกอยากทำหรือเล่นอะไรก็ให้เขาได้เลือกตามความชอบของเขาเอง ซึ่งสิ่งที่เขาชอบอาจพัฒนากลายเป็นความสามารถพิเศษในด้านต่างๆได้

“เลล่าชอบเต้น เขาก็เรียนเต้นบัลเลต์มาตั้งแต่สามขวบ และเต้นมาตลอดควบคู่ไปกับการว่ายน้ำ เลล่าเป็นคนที่ไม่ชอบกีฬาที่ต้องไปปะทะกับคนอื่น เขาก็จะไม่ค่อยชอบทีมสปอร์ต แต่ล่าสุดเพิ่งจะมาขอเล่นฟุตบอล เราก็โอเค หนูเลือกมาเพราะอยากลอง ก็ให้เขาได้ลองทำดู” คุณแม่ยิ้มปลื้มใจ แม้จะแอบกระซิบว่าอยากให้ลูกสาวเล่นบาสเก็ตบอลก็ตาม

“ส่วนเอเดนเป็นสายลุย ชอบเทควันโดและปากัวร์ (Parkour) เราเห็นว่าเขาชอบและทำได้ ก็ส่งเสริมเต็มที่ ตอนนี้ปากัวร์ก็กำลังจะเรียนคลาสต่อยอดสูงขึ้นไปเป็นแบบที่วิ่งและตีลังกาลงมา เราส่งเสริมให้เรียนตั้งแต่พื้นฐานเพื่อให้มีทักษะ เพราะความปลอดภัยต้องมาก่อน”

แต่ก็มีบางครั้งที่ลูกขอลองทำสิ่งที่เขาสนใจ แต่สุดท้ายแล้วสิ่งเหล่านั้นกลับเป็นสิ่งที่ไม่ใช่ เธอก็ไม่ได้บังคับให้ทำต่อไป เพียงแต่สอนให้มีความรับผิดชอบในการเลือกของตัวเอง

ผู้เขียน​

เชิญพร คงมา กองบรรณาธิการ The Cloud​

ภาพโดย ​

มณีนุช บุญเรือง​